UFABETWINS “ดิลเลียน ไวท์”: จอมโหดรุ่นเฮฟฟี่เวทผู้เติบโตท่ามกลางความเป็นความตายและดงกระสุน

UFABETWINS ถึงแม้จะไม่ใช่นักมวยไร้พ่าย สถิติสวยหรูเหมือน ไทสัน ฟิวรี่ หรือโปรไฟล์การชกดีเหมือน แอนโทนี่ โจชัว แต่จากการที่นิตยสาร The Ring

จัดให้เขาอยู่อันดับที่ 5 จากนักมวยเฮฟฟี่เวททั้งหมดในโลกยุคปัจจุบัน และอันดับที่ 8 ใน Boxrec เพียงเท่านี้ก็น่าจะเป็นการพิสูจน์ได้แล้วว่าฝีมือบนสังเวียนของ ดิลเลียน ไวท์ เจ้าของฉายา “The Body Snatcher” คนนี้ไม่ใช่ธรรมดา ถึงแม้ว่าไฟต์ล่าสุดเขาเพิ่งจะพ่ายแพ้ให้กับ อเล็กซานเดอร์ โพเว็ตกิ้น นักชกชาวรัสเซียจนเสียเข็มขัดแชมป์โลกเฉพาะ​กาล WBC รุ่นเฮฟฟี่เวท แต่เขาก็ยังมีโอกาสทวงมันกลับคืนในไฟต์รีแมตช์ที่มีกำหนดชกกันในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2020

เดิมพันคือเข็มขัดเส้นเก่าที่ ไวท์ เพิ่งเสียไป ก่อนที่ระฆังยกแรกจะดังขึ้น ไปติดตามเรื่องราวชีวิตที่ผ่านความตายมานับครั้งไม่ถ้วน และกัดฟัดสู้จนถึงที่สุดของ ดิลเลียน ไวท์ ได้ที่ Main Stand กลางห่ากระสุน ถึงแม้จะมีเชื้อสายเป็นคนอังกฤษ แต่สถานที่ที่ ไวท์ ลืมตาดูโลกคือเมืองพอร์ตอันโตนิโอ ประเทศจาเมกา ในวันที่ 11 เมษายน ปี 1990 โดยครอบครัวของเขาเป็นผู้อพยพที่ย้ายหนีสงครามกลางเมืองมาจากประเทศไอร์แลนด์ (ครอบครัว​ ไวท์ เป็นคนอังกฤษ ก่อนจะย้าย

ไปอยู่ไอร์แลนด์​ และย้ายไปจาเมกา​ในภายหลัง)​ แน่นอนว่าชีวิตในวัยเด็กของ ไวท์ นั้นก็รันทดดราม่าไม่แพ้ประวัติชีวิตของยอดนักมวยแชมป์โลกคนอื่นๆ โดยเฉพาะในประเทศจาเมกา บ้านหลังแรกของเขา “ชีวิตผมที่นั่นไม่มีอะไรเลยนอกจากความเจ็บปวด ความเจ็บปวด และความเจ็บปวด บางวันผมต้องข่มตานอนทั้งที่ท้องผมหิวแทบแย่” “ผมไม่ได้เรียนหนังสือเลยตอนอยู่ที่จาเมกา มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก เวลาส่วนมากผมหมดไปกับการวิ่งหนีดงกระสุน”

UFABETWINS

ไวท์ กล่าวย้อนความหลังกับ The Sun เมื่ออายุ 12 ปี ก็เกิดจุดเปลี่ยนขึ้นในชีวิตของ ไวท์ โดยเขาและครอบครัวย้ายจากจาเมกา ลัดฟ้าสู่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่ถ้าถามว่าคุณภาพชีวิตของของดีขึ้นหรือไม่ คำตอบคือไม่ เพียงแต่ที่บ้านหลังใหม่แห่งนี้อย่างน้อยเขาก็ได้รับการศึกษา และทำให้เขาได้ค้นพบสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา การชกมวย “ผมเป็นนักเรียนที่ห่วยแตกมากที่โรงเรียน แต่การชกมวยเปลี่ยนชีวิตของผมไปเลย ผมรู้ว่ามันคือโอกาสดีที่สุดที่จะ

เปลี่ยนชีวิตของผม” ถึงแม้ ไวท์ จะมีโอกาสได้ร่ำเรียนวิชาหมัดมวยจากโรงฝึกของชายที่ชื่อมิเกล ซึ่งตั้งอยู่ในละแวกบ้าน แต่ชีวิตโดยรวมของเขาก็ยังค่อนข้างตกอยู่ภายใต้ความอันตราย และส่วนใหญ่ ไวท์ ก็เลือกที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยกำปั้นของเขา ไวท์มีร่างกายที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีเชิงมวยที่ฝึกฝนมา ทำให้อันธพาลส่วนใหญ่ในย่าน บริกซ์ตัน กรุงลอนดอน ต่างก็ยอมสยบต่อเขา แต่สุดท้ายต่อให้ ไวท์ แกร่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถรับมือกับกระสุนปืนและคมมีดได้

ไวท์ เคยถูกแทงเป็นแผลลึกถึง 3 ครั้ง โดยมีครั้งหนึ่งที่เขาตัดสินใจเย็บแผลด้วยตัวเองแทนที่จะไปโรงพยาบาลเพื่อประหยัดค่ารักษา นอกจากนั้นเขายังเคยโดนยิงอีก 2 ครั้งในสงครามแก๊งอันธพาลย่านแคลปแฮม และก็เช่นเคย ไวท์ ตัดสินใจผ่าตัดเอากระสุนออกจากแผลด้วยตัวเอง “ผมเอากระสุนออกเอง และซ่อนตัวให้เงียบหลังสงครามแก๊ง ผมไม่ต้องการให้ตำรวจมาที่บ้านและพบกับแม่ของผม มันทำให้เธอเสียเกียรติ ไม่ว่าผมจะเจ็บปวดแค่ไหนผมก็ไม่อยากรบกวนเธอ

เลยแม้แต่น้อย” ไวท์ บอกกับ Telegraph ความกร้านโลกของ ไวท์ ไม่ใช่แค่เรื่องทะเลาะวิวาท หรือเสี่ยงตาย เพราะอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เขาต้องเติบโตขึ้นมาอย่างเข้มแข็ง ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดคือการที่ ไวท์ ให้กำเนิดทายาทคนแรกในตอนที่เขาเพิ่งอายุได้ 13 ปีเท่านั้น “ผมเป็นคุณพ่อตอนอายุ 13 ปี ผมต้องดูแลลูกๆ ดังนั้นผมจึงโตเร็วกว่าคนทั่วๆ ไป โดยเฉพาะด้านจิตใจ” “เมื่อกลายเป็นคุณพ่อ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ผมต้องวิ่งวุ่นตลอดทั้งวัน ต้องทำงานวันละ 2-3 ที่ เพื่อ

หาเงินมาเลี้ยงลูก นอกจากนั้นผมต้องฝึกมวยอย่างหนักเพื่อเป็นนักมวยที่เก่ง พวกเด็กๆ จะต้องไม่มาดิ้นรนเหมือนที่ผมเคยดิ้นรน” อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ชีวิตของ ไวท์ ก็เกิดการพลิกผันอีกครั้งเมื่อเขาถูกจับในข้อหาพยายามฆ่า ที่มีบทระวางโทษจำคุกสูงถึง 20 ปี และในระหว่างรอพิพากษา ไวท์ ถูกส่งเข้าไปอยู่ในเรือนจำเมืองบริสตอล “ตอนนั้นพี่ชายของผมเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งคน แม่บอกกับผมว่าเขาไม่อยากเสียลูกชายไปอีกแล้ว มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากเลยนะ

ผมไม่อยากทำให้แม่ผิดหวัง” “ตอนที่ผมอยู่ในเรือนจำ แม่ผมมาเยี่ยม เธอพูดกับผมด้วยใบหน้าที่มีน้ำตานองว่า ชีวิตของลูกผ่านอะไรมาเยอะเหลือเกิน ผมรู้สึกแย่และละอายใจมากๆ” ทว่าสุดท้าย ไวท์ ก็ได้รับอิสระอีกครั้งหลังจากที่ศาลตัดสินว่าเขาไม่มีความผิด และหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยพาชีวิตของตัวเองกลับไปสู่จุดตกต่ำแบบนั้นอีกเลย จับความโกรธใส่ลงกำปั้น หลังจากที่ฝึกฝนวิชามวยพลางวิ่งหนีดงกระสุนมาตั้งแต่วัยเด็ก ในที่สุด ไวท์ ก็ย่างเข้าสู่โลกแห่งการต่อสู้

อย่างจริงจังในปี 2007 โดยเริ่มต้นจากการเป็นนักมวยคิกบ็อกซ์เซอร์ และเขาก็ทำได้ดีเป็นอย่างมาก ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 2 ปี ไวท์ พุ่งทะยานขึ้นเป็นนักชกคิกบ็อกซ์เซอร์รุ่นใหญ่ที่เก่งที่สุดในเกาะอังกฤษ เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ทุกคนที่ขวางหน้า ก่อนจะขึ้นเป็นแชมป์ประเทศอังกฤษในศึก BIKMA Super Heavyweight British Championship ด้วยสถิติชนะ 20 แพ้ 1 ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นแชมป์ K1 ทวีปยุโรปอีกหนึ่งสมัยด้วย ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปเป็นนักสู้

UFABETWINS

MMA แบบเต็มตัว “ผมใช้ความโกรธที่มีในตัวมาใส่ลงในระเบียบวินัยของการฝึกซ้อม ซึ่งมันทำให้ผมแข็งแกร่ง” ไวท์ กล่าวกับ Daily Mail ถึงแม้จะเป็น MMA แต่ ไวท์ ก็ยังคงยอดเยี่ยมเช่นเคย เขาเอาชนะ มาร์ค สเตราท์ คู่แข่งของเขาในศึก Ultimate Challenge MMA ได้ในระยะเวลาเพียง 12 วินาที และนั่นก็เป็นการต่อสู้ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของ ไวท์ ในสังเวียน MMA เพราะ ไวท์ ตระหนักได้ว่าเป็นเรื่องยากที่เขาจะยกระดับคุณภาพชีวิตของตัวเองและครอบครัวให้ดีขึ้น

ด้วย MMA หรือ คิกบ็อกซ์​ซิ่ง มันต้องเป็นอะไรที่ทำเงินได้มากกว่านั้น มวยสากล ไวท์ เริ่มเข้าสู่วงการมวยสากลในฐานะนักมวยสากลสมัครเล่นในปี 2009 แต่ไม่ว่าจะเป็นสังเวียนไหน การต่อสู้รูปแบบใด ไวท์ ก็พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาเก่ง เขาแกร่ง และยากที่ใครจะมาหยุดเขา ไวท์ ต่อยมวยสากลสมัครเล่นไปทั้งหมด 6 ไฟต์ แน่นอนว่าเขาชนะรวด และเป็นการชนะน็อกถึง 5 ไฟต์ อย่างไรก็ตามไฟต์ที่สำคัญที่สุดกลับไม่ใช่ไฟต์ที่เขาชนะน็อก แต่เป็นไฟต์ชนะคะแนน

เพียงไฟต์เดียว เพราะไฟต์ดังกล่าวคู่ต่อสู้ของ ไวท์ มีชื่อว่า แอนโทนี่ โจชัว แอนโทนี่ โจชัว ที่ว่าคือคนเดียวกันกับแชมป์โลกรุ่นเฮฟฟี่เวทสถาบัน WBA (Super), IBF, WBO, และ IBO คนปัจจุบันคนนั้นนั่นแหละ.. ถึงแม้จะไม่โดนน็อก แต่ โจชัว ก็สะบักสะบอมไม่น้อย ก่อนจะแพ้คะแนนไปอย่างเป็นเอกฉันท์

 

คลิ๊กเลย >>> UFABETWINS

อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล